วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

แนวทางการเลี้ยงปลาเอนเลอร์


ปลาเอนเลอร์ รุ่นแรกๆ ที่มีการบันทึกว่า ได้มีการนำมาเลี้ยงในหมู่ผู้นิยมปลาสวยงามนั้น   เป็นปลาที่ถูกจับมาโดย Mr. Frankly F.Bond  ในระหว่างปี คริสต์ ศํกราช 1930 ( นานมากๆๆๆๆ )  และ ต่อมาในประมาณ ปี ค.ศ. 1970 , ศาสตราจารย์  John A. Endler ได้ทำการเก็บตัวอย่าง ของปลาชนิดนี้  ( Poecilia sp. ) จากพื้นที่ ตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศ เวเนซุเอล่า ( ดินแดนแห่งสาวงามระดับโลก  และ ก็มีปลาที่สวยงามมากมาย หลายชนิดเช่นกัน  )
ปลาชนิดนี้นั้น  ได้รับชื่อเรียกสามัญ ในช่วงปี 1980 ภายหลังจากการเก็บรวบรวม โดย ดอกเตอร์ Kallman ที่ได้แนะนำให้มีการเลี้ยงปลาชนิดนี้ ในอะควาเรี่ยมต่างๆ ในประเทศเยอรมัน  โดยที่มาของการตั้งชื่อปลาชนิดนี้ว่า ปลา Endler เพื่อเป็นเกียรติแก่ ศาสตราจารย์  John A. Endler นั่นเองครับ
สำหรับการแบ่งประเภท การเรียก รูปแบบของ เอนเลอร์ นั้น  ถ้าเป็น เอนเลอร์ ที่ถูกจับจากธรรมชาติ และรู้แหล่งที่มา   จะเรียกกันในวงการวิทยาศาสตร์ว่า “ Class N “ และ ถ้าไม่ทราบที่มา แต่ดูรูปร่าง และสีสันแล้ว เป็น เอนเลอร์ ชัวร์ๆ แน่แท้ แน่นอน  เราก็จะเรียกกันว่า “ Class P “ ส่วน ปลา เอนเลอร์  ที่ได้รับการเพาะเลี้ยง และ  ครอสข้ามชนิดกับ ปลาในตระกูลใกล้เคียงกันออกมา หรือ ปลาลูกผสมนั่นเอง  ในวงการจะเรียกเป็น ปลา เอนเลอร์ “ Class K “ ครับ
เมื่อดูจากรูปร่างภายนอกแล้ว ปลาเอนเลอร์  เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะ ใกล้เคียงกัน ปลาหางนกยูงมาก แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นปลาที่มีความใกล้เคียงทางพันธุกรรมกับปลาสอดมากกว่า ปลาหางนกยูง เสียอีกครับ  แต่การนำมาผสมข้ามนั้น ผสมกับพวกปลาหางนกยูง ดูจะง่ายกว่าเป็นไหนๆครับ  เรื่องนี้ ก็นับว่าแปลกอยู่เหมือนกัน ( ฮา ) 


สำหรับผู้ที่สนใจ อยากลองเลี้ยง ปูนา เป็นอาชีพหลัก หรือ อาชีพเสริม ถ้าจะเริ่มต้น ควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง?
ปัจจุบันนี้ การเลี้ยงปูนา เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากตลาดมีความต้องการที่ดี อย่างไรก็ตาม ในการเริ่มต้นกิจการนั้น ผู้ที่สนใจที่จะเริ่มเลี้ยงปูนา อาจจะต้องคำนึงถึงขั้นตอนเหล่านี้ก่อนลงมือดำเนินการครับ
ตลาดรองรับ : ในส่วนนี้นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะต้องคำนึงก่อน เป็นอันดับแรกๆ ในความคิดของผู้เขียนซึ่งก็เป็นเพราะ การตลาด เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ไม่แพ้ขั้นตอนของการเลี้ยงปูนาให้ครบวงจร และ นับได้ว่าเป็นคำถามยอดฮิต อีกคำถามหนึ่ง ที่พบกันได้บ่อย ซึ่งก็ต้องขอบอกว่า เนื่องจาก แต่ละท่านที่สนใจเลี้ยง อาจจะมีความถนัดบางด้านที่ไม่เหมือนกัน ทำให้มุมมองทางการตลาดนั้น แตกต่างกันออกไปด้วย เช่น สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการทำอาหาร ก็อาจจะมองถึงการแปรรูปปูนา เพื่อ เพิ่มมูลค่า และ สำหรับผู้ที่ชอบการเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ก็อาจจะมองไปถึงการเพาะลูกปู เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก ให้กับผู้ที่สนใจ ได้ลองซื้อหาไปเลี้ยงกันต่อๆ ไปบ้าง ก็สามารถทำได้ หรือ หลายๆ ฟาร์ม อาจจะเน้นไปที่การขุนปูจากขนาดที่ไม่ใหญ่ ให้กลายเป็น ปูพ่อและแม่พันธุ์ ก่อนจำหน่าย หรือ แม้กระทั่ง รับปูนาจากการหามาเอง หรือ ไปซื้อมาต่อ แล้วพัก ก่อนนำส่งผู้ที่ต้องการก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจฯ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางไหน ก็ต้องขอให้มีความซื่อสัตย์เอาไว้ก่อนเป็นอย่างแรกครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

8 ข้อดี ของการเลี้ยงกุ้งแคระสวยงาม



ปัจจุบันนี้ กุ้งแคระสวยงามนั้น เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงมากอีกชนิดหนึ่ง ด้วยความที่มีข้อดีมากมายหลายประการ ในการเลี้ยง ซึ่งสามารถที่จะนำมาแจกแจงได้ตามนี้ ให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังกันครับ
  1. การดูแลที่ง่าย กุ้งแคระ หลายๆ ชนิดนั้น ไม่ได้ต้องการอะไรที่พิเศษนักในการดูแล ยกเว้นกุ้งแคระบางสายพันธุ์ที่ต้องการ ๆ ดูแลเป็นพิเศษหน่อย เช่น กุ้งแคระ ที่ต้องอาศัยในน้ำอุณหภูมิต่ำ แต่โดยรวมๆ แล้ว กุ้งแคระ นั้นเป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงได้ง่าย และ สะดวก แล้วโดยรวมๆ แล้ว ก็ไม่ต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงมากนักครับ (ยกเว้น กุ้งแคระสายพันธุ์ ที่มีราคาสูงบางชนิด) และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ก็มีเพียงตู้ใส่น้ำ หรือ ภาชนะอะไรก็ได้ ที่มีขนาดใหญ่พอสมควรที่สามารถหาได้ในบ้าน และ ท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น ถัง , กะละมัง , อ่างดินเผา ฯลฯ ก็สามารถเลี้ยงกุ้งแคระหลายๆ ชนิดได้เป็นอย่างดีแล้ว
  2. เป็นสุดยอดสัตว์เลี้ยง มีปัญหากระทบกระทั่งกันน้อย กินไม่มาก ไม่ดุ ไม่กัด ไม่นินทาว่าร้ายเจ้าของ ไม่แทงข้างหลัง จนทะลุถึงหัวใจ ไม่เผากันซึ่งๆ หน้า เอ.... ไอ้ที่กล่าวมานี่ หลังๆ ไม่ค่อยจะเกี่ยวนะครับ...เอาเป็นว่า อย่างน้อย กุ้งแคระนั้น ก็เป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงทำความรำคาญ แก่เพื่อนบ้าน ไม่ขับถ่ายของเสียให้เราเหม็นมากจนเกินไปนัก ถ้าท่านไม่ได้ให้อาหารเยอะเกินจนน้ำเน่า!!! ก็นับได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีอีกชนิดหนึ่งครับ
  สนใจอ่านต่อ : https://www.noozup.me/1681422/

แนวทางการเลี้ยง ปูหิน , ปูขน , ปูผา เพื่อเป็นอาชีพหลัก หรือ อาชีพเสริม


   ปูหิน หรือ ปูขน หรือ ปูผา จัดได้ว่าเป็นปูน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ แตกต่างกันไป มีสีสัน และรูปร่าง แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ตามสายพันธุ์ แต่พื้นฐานโดยรวมของปูจำพวกนี้ ก็มีการเลี้ยงที่คล้ายคลึงกันครับ ปูจำพวกนี้ ในปัจจุบันนี้ นอกจากจะมีการนำมาเลี้ยงเพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีความนิยมในการนำมาบริโภคด้วยในหลากหลายพื้นที่ เนื่องจากมีเนื้อที่มีรสชาติอร่อย ไม่แพ้กับ ปูทะเล ทำให้ได้รับความนิยมในการเลี้ยงมากขึ้นในปัจจุบันครับ โดยสี ในธรรมชาติ กับ ในที่เลี้ยง อาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย โดยในที่เลี้ยงจะพบว่า ปูมักจะมีสีสัน สดใสขึ้นกว่าในธรรมชาติครับ

สนใจอ่านต่อ :

https://www.noozup.me/1666479/