วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562

จระเข้ กับ อัลลิเกเตอร์ แตกต่างกันอย่างไร ?


   ความแตกต่างกันของ อัลลิเกเตอร์ กับ จระเข้ ก็คือ อัลลิเกเตอร์นั้น จะมีรูปทรงของปาก และส่วนหัวที่โค้งมน อวบอ้วน มากกว่า จระเข้ ที่มีลักษณะของส่วนหัวและปากเป็นแบบ V Shape นั่นเอง โดยทั้งสองชนิดนี้ มีความดุร้าย และ ก้าวร้าวต่อมนุษย์ ฯ แตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด .... ดังนั้น ถ้าลูกเพจที่น่ารัก เจอหน้า แล้วอยากจะเข้าไปใกล้ๆ และ กระโดดกอด แบบ แบร์ กิลด์ ( จะมีด้วยเรอะ !!!) ก็ควรจะต้อง มีความชำนาญในการแยกชนิดซักนิดหนึ่งเด้อครับเด้อ...ว่าชนิดใหนพอจะเป็นมิตร มีแววตาที่พอจะสื่อถึงกันได้ พอให้อาหารจากมือได้ กอดกันได้นิดหน่อยในน้ำ พอซึ้งๆ... แล้วชนิดไหน ไม่ญาติดีกับ มานุษยยยย์ อย่างเราแน่ๆ เช่น ไอ้เคี่ยม ( จระเข้น้ำเค็ม ) นี่ไม่ต้องไปยุ่งกับมันเลยน้าาาา.... ตายหยังเขียดแน่ๆ


เครดิตภาพจาก : Wet pet global

*******************************************************

สนใจเล่นหวย Online เล่นได้หลายแบบ หวยยี่กีก็มี เล่นได้ทุกวัน ทั้งวัน บาทเดียวก็เล่นได้  มีโอกาศรับโบนัสเงินพิเศษตามเงื่อนไข เมื่อเติมเงิน สมัครง่ายมากๆจ้า คลิ๊กเลย 

http://www.huay.com/af/a/5949f4840caf4289a2f0d1d66cdd2b16


********************************************************

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562


   ปัจจุบัน การเลี้ยงกุ้งแคระในตู้ไม้น้ำนั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเพื่อความสวยงามภายในตู้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงกุ้งแคระจริงๆ หรือว่า เป็นการเลี้ยงเพื่อใช้กุ้งแคระให้เป็นประโยชน์ในการรักษาระบบนิเวศน์ต่างๆ ภายในตู้ ซึ่งถ้าหากรวบรวมเหตุผล และ สาเหตุต่างๆ ที่ในปัจจุบัน กุ้งแคระได้รับความนิยมสูงในการเลี้ยงในการเลี้ยงกับตู้ไม้น้ำนั้น ก็อาจจะแบ่งเป็นเหตุผลต่างๆได้ตามต่อไปนี้
1. การดูแลที่ง่าย - สำหรับกุ้งแคระ หลายๆ ชนิดนั้น ไม่ได้ต้องการอะไรที่พิเศษนักในการดูแล ยกเว้นกุ้งแคระบางสายพันธุ์ที่ต้องการ ๆ ดูแลเป็นพิเศษหน่อย แต่โดยรวมๆแล้ว กุ้งแคระ เป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงได้ง่าย สะดวก แล้วก็ไม่ต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงมากนักครับ เพียงตู้ไม้น้ำใบเล็กๆ หรือไม่ใหญ่มากก็สามารถเลี้ยงกุ้งแคระได้เป็นอย่างดีแล้ว
2. เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดุร้าย ไม่ส่งเสียงน่ารำคาญ และ ไม่เป็นพาหะของโรค หรือ มีการเกิดเป็นอันตรายใดๆ ต่อบุคคลรอบข้างของผู้เลี้ยง
3. สามารถเลี้ยงกุ้งแคระได้ในหลายสภาวะการณ์ อาจจะเป็นที่ทำงาน ที่พื้นที่ไม่มาก ตามมุมของอาคารต่างๆ ในรีสอร์ท นอกระเบียง ริมห้องนั่งเล่น ก็สามารถตั้งตู้ไม้น้ำ พร้อมกับเลี้ยงกุ้งแคระสวยๆ เอาไว้ชื่นชมกันได้แล้วครับ
4. เพิ่มความสร้างสรรค์ให้กับสมอง เนื่องจากการเลี้ยงกุ้งแคระ ส่วนใหญ่ ผู้เลี้ยงนิยมจัดเป็นตู้ไม้น้ำด้วย ซึ่งการจัดตู้ไม้น้ำเนี่ย ก็ถือได้ว่าเป็นศิลปะขั้นสูงอีกแบบหนึ่ง ซึ่งสำหรับ ผู้คนที่มีความสามารถในการจัดตู้ไม้น้ำแล้ว สามารถถ่ายภาพลงประกวดเพื่อเป็นสีสันในชีวิต หรือ เพื่อใช้เพิ่มความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจได้ด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การจัดตู้ไม้น้ำ ก็ย่อมนำพาซึ่งความสุขใจ มาให้กับผู้จัดแน่นอนครับ
5. เพื่อการศึกษา ของบุตรหลานของท่าน การจัดตู้ไม้น้ำ และ การเลี้ยงกุ้ง ทำให้เด็กๆ หรือลูกหลานของท่าน ได้รับความสุขใจ และ ความรู้ เกี่ยวกับทางด้านชีววิทยา ของเจ้ากุ้งตัวน้อย หรือ การจัดตู้ไม้น้ำ ทำให้เด็กๆของท่านลดความตึงเครียดจากการใช้ชีวิตประจำวัน และ การเรียน นอกจากนี้เด็กๆ ที่รักสัตว์ ก็จะมีโอกาศที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคตได้ครับ เพราะการเลี้ยงกุ้งแคระ หรือ ตู้ไม้น้ำ ก็ต้องมีความรับผิดชอบในการดูแล รักษาระบบ นั่นก็คือ เราได้ฝึกความมีวินัยให้กับเด็กๆ ของเราโดยทางอ้อมนั่นเอง
6. ในด้านสุขภาพ ช่วยให้ท่านที่เลี้ยงกุ้งแคระ ได้รับความสุขทางใจ ที่บางครั้งเงินทดแทนไม่ได้ครับ ( แต่ถ้าเสียเงินซื้อมาแพงเกินไป แล้วแฟนกระตื๊บนี่ อาจจะเสียสุขภาพแทนได้นะ 555 ) เมื่อใจเครียด ร่างกายป่วย ใจหายเครียด ร่างกายก็หายป่วย เซลล์มะเร็งก็ขึ้นยาก แต่ถ้าหายเครียดแล้วไปทานเหล้า อันนั้นจะเป็นโรคตับต่อครับ ( ฮา )
7. สร้างงาน สร้างอาชีพหลัก - เสริม เพิ่มรายได้ ปัจจุบันนี้ ได้มีผู้สนใจในการเพาะเลี้ยงกุ้งแคระสวยงาม ได้ทำการเพาะเลี้ยงกุ้งแคระสวยงาม เพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว หรือ เป็นงานอดิเรก เป็นจำนวนมาก ทั้งในต่างประเทศ และ ในประเทศไทยเราเลยครับ กุ้งแคระหลายชนิด หลายแบบ มีราคาสูงเลยทีเดียว จนนับเป็นสัตว์น้ำสวยงามที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่สนใจเพาะเลี้ยงเบื้องต้น ก็อาจจะลองเพาะเลี้ยงกุ้งแคระสวยงามที่เพาะเลี้ยงไม่ยาก ไปก่อนในขั้นแรกก็ได้ครับ

เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์

***********************************************************************
สนใจเล่นหวยOnline เล่น 1 บาท ขำๆ ฮาๆ ก็ยังเล่นได้ หรือชวนเพื่อนๆ มาเล่น เพื่อรับโบนัสเงินพิเศษก็ได้ คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่่างเลยจ้าสมัครฟรี ง่ายนิดเดียวจ้า

http://www.huay.com/af/a/5949f4840caf4289a2f0d1d66cdd2b16


แนวทางการเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามเศรษฐกิจ :
การเลี้ยงปลาเอนเลอร์ ( Endler )
**************************************************
อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียนได้เพิ่มที่นี่นะครับ ได้รวบรวมเป็นลิงค์มาให้แล้ว เพื่อความสะดวกครับ เพียงแค่เข้าไปอ่าน ก็เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนได้แล้วครับ
**************************************************
ปลาเอนเลอร์ รุ่นแรกๆ ที่มีการบันทึกว่า ได้มีการนำมาเลี้ยงในหมู่ผู้นิยมปลาสวยงามนั้น เป็นปลาที่ถูกจับมาโดย Mr. Frankly F.Bond ในระหว่างปี คริสต์ ศํกราช 1930 ( นานมากๆๆๆๆ ) และ ต่อมาในประมาณ ปี ค.ศ. 1970 , ศาสตราจารย์ John A. Endler ได้ทำการเก็บตัวอย่าง ของปลาชนิดนี้ ( Poecilia sp. ) จากพื้นที่ ตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศ เวเนซุเอล่า ( ดินแดนแห่งสาวงามระดับโลก และ ก็มีปลาที่สวยงามมากมาย หลายชนิดเช่นกัน )
ปลาเอนเลอร์ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะ ใกล้เคียงกัน ปลาหางนกยูงมาก แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นปลาที่มีความใกล้เคียงทางพันธุกรรมกับปลาสอดมากกว่า ปลาหางนกยูง เสียอีกครับ แต่การนำมาผสมข้ามนั้น ผสมกับพวกปลาหางนกยูง ดูจะง่ายกว่าเป็นไหนๆครับ เรื่องนี้ ก็นับว่าแปลกอยู่เหมือนกัน ( ฮา ) พูดไปแล้วก็เหมือนกับ ที่เรานึกว่าปลาช่อนอะเมซอน เหมือน ปลาช่อนนา บ้านเรามากกว่านึกว่าจริงๆแล้ว มันเป็นญาติๆกับปลาอะโรวาน่านั่นเองครับ
ด้วยสีสันที่ฉูดฉาด บาดตา บาดใจ และ การเลี้ยงดูที่ง่าย ปลาเอนเลอร์ ทำให้ปลาเอนเลอร์นั้น ได้รับความนิยมในหมู่ผู้รับการเลี้ยงปลาสวยงาม ทุกเพศ ทุกวัย ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ , ปลาเอนเลอร์ สามารถปรับตัวอาศัยอยู่ได้ในหลากหลาย อุณหภูมิ แต่ อุณหภูมิประมาณ 27 - 30 องศาเซลเซียส ค่อนข้างเหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลาชนิดนี้มากครับ โดยถ้าน้ำมีความกระด้าง ซักเล็กน้อย ( pH สูงเกิน 7.0 ) ปลาจะค่อนข้างชอบครับ
ด้วยความที่เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กอีกชนิดหนึ่ง ทำให้สะดวกในการนำไปเลี้ยงในที่เลี้ยง ในพื้นที่ๆมีพื้นที่ไม่มาก เช่น ตู้ปลาขนาดเล็ก ( ตู้นาโน ) ต่างๆ ได้หลายตัว จึงสามารถนำไปเลี้ยงตามพื้นที่ต่างๆ เช่น ในออฟฟิศได้ง่ายครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการจะให้เลี้ยงได้สะดวกขึ้น สามารถเลี้ยงได้ในขนาดตู้ที่จุน้ำได้ ตั้งแต่ 10 แกลลอนขึ้นไปครับ
เอนเลอร์ เป็นปลาที่รักสงบ และ สามารถเลี้ยงรวมกับปลาเล็กๆ ได้หลากหลายชนิด โดยไม่มีการทำร้ายกันและกันครับ ความกระตือรือร้น ของปลาตัวเล็กๆชนิดนี้ มีอยู่สูงมาก เขาจะว่ายน้ำไปมา ไปทั่วตู้เลี้ยง สร้างความเพลิดเพลิน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงปลาสวยงามได้เป็นอย่างดีครับ แล้วก็จะมีนิสัยน่ารักๆ ที่พอตอนกลางคืน ที่แสงสว่างหมดลงไปแล้ว ปลาชนิดนี้ก็จะมีการแอบลงมานอนที่พื้นของตู้ หรือตามบริเวณต่างๆ ของตู้ครับ แล้วพอแสงสว่างกลับมาอีกที ก็จะกลับมาว่ายน้ำอย่างร่าเริงอีกครั้งหนึ่งครับ ในตู้เลี้ยงสามารถปลูกต้นไม้ให้หนาแน่นได้ครับ ปลาจะมีความสุข และ ลดความเครียด เพราะได้มีที่หลบซ่อนในบางเวลาที่เขาต้องการครับ
ในเรื่องของอาหารการกิน ปลาชนิดนี้ก็เป็นปลาที่กินง่ายอยู่ง่าย สามารถกินอาหารได้ทั้งอาหารสด เช่น หนอนแดง , ลูกน้ำ , ไรน้ำจืด , ไรทะเล และ อาหารสำเร็จรูป คุณภาพดี ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
การผสมพันธุ์ปลาที่น่ารักชนิดนี้นั้น ไม่ยากเลย เราสามารถแยก ปลาตัวผู้ และ ตัวเมียได้อย่างง่ายดายมากๆ เนื่องจาก ปลาตัวเมีย จะตัวอวบอ้วน และ มีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้มาก และ ที่สำคัญคือ ปลาตัวเมีย จะแทบไม่มีสีสันอะไรเลย นอกจากสีเนื้อลำตัวที่ออกสีเงินๆ เท่านั้นเอง ในการผสมพันธุ์ปลาชนิดนี้ สามารถ ใช้การผสมพันธุ์แบบหมู่ได้ครับ
ปลาตัวผู้ จะค่อนข้างใช้เวลานาน ในการเกี้ยวพาราสี ปลาตัวเมีย แต่จะไม่ดุร้าย ละ ก้าวร้าวกับตัวเมีย มากเท่าปลาหางนกยูง ที่เป็นญาติๆของมัน หลังจากมีการผสมพันธุ์กันเกิดขึ้น ซึ่งโดยปกติ ปลาเอนเลอร์ จะผสมพันธุ์กัน เป็นช่วงระยะเวลา ราวๆ 23 - 25 วัน ต่อ 1 รอบการผสมพันธุ์ ปลาตัวเมีย จะเป็นเช่นเดียวกับ ปลาที่ออกลูกเป็นตัวชนิดอื่นๆ ที่สามารถเก็บน้ำเชื้อของปลาตัวผู้เอาไว้เป็นระยะเวลายาวนาน ได้เป็นปีๆ สำหรับการนำออกมาผสมพันธุ์ , ปลาตัวเมีย สามารถออกลูกได้ครั้งละ ตั้งแต่ 1 – 30 ตัว โดยขึ้นอยู่กับ อายุของแม่ปลา และ ขนาดด้วย
ลูกปลาที่เพิ่งเกิดใหม่ๆ สามารถกินอาหารได้หลากหลาย เช่นเดียวกับ พ่อและแม่ของมัน เช่น อาหารผงสำเร็จรูปสำหรับลูกปลาแรกเกิด , ลูกไรทะเลแรกฟัก หรือ อาหารแผ่นสำเร็จรูปบดละเอียดก็สามารถกินได้อย่างไม่มีปัญหาครับ ลูกปลาสามารถ แทะกิน ตะไคร่น้ำ และ จุลชีวันขนาดเล็กๆเป็นอาหารได้เช่นกันครับ
,
หลังจากผ่านเวลาไปประมาณ 3 – 5 สัปดาห์ ลูกปลา โดยเฉพาะ ปลาตัวผู้ ก็จะเริ่มมีสีสัน สวยงามเหมือนปลาตัวเต็มวัยแล้วครับ และ ปลาตัวเมียก็จะเริ่มเติบโตขึ้น จนเริ่มให้ผลผลิตได้ ประมาณ 2 เดือนขึ้นไปครับ

***********************************************************

สนใจเล่นหวยOnline เล่น 1 บาท ขำๆ ฮาๆ ก็ยังเล่นได้ หรือชวนเพื่อนๆ มาเล่น เพื่อรับโบนัสเงินพิเศษก็ได้ คลิ๊กที่ลิงค์ด้านล่่างเลยจ้าสมัครฟรี ง่ายนิดเดียวจ้า

http://www.huay.com/af/a/5949f4840caf4289a2f0d1d66cdd2b16


วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2562

แนวทางการเลี้ยงปลาไหล


 เมื่อเอ่อถึงปลาที่ตัวมีเมือกลื่นๆ หน้าตาดูคล้ายๆกับสัตว์เลื้อยคลานอย่าง งู ใครๆ ก็ต้องร้องว่า  อ๋อ....ปลาช่อน...ผ่างงงงง ไม่ใช่ ปลาเข็ม ต่างหากกกก...ผ่างงง...ไม่ใช่อีก เฉลยก็ได้ นั่นก็คือ ปลาไหล นั่นเองงงงงงงงงงง....( ทำเสียงก้องๆแบบพิธีกร รายการ T.V. direct นะครับ ) ปลาไหลนั้นเป็นปลาที่อยู่คู่กับชนชาติต่างๆมาอย่างยาวนาน มีความนิยมในการบริโภคในรูปแบบต่างๆอย่างหลากหลาย ทั้งแบบย่าง,เอามาทานกับข้าวซูชิ เช่นทางญี่ปุ่นซึ่งก็ถือว่าเป็นศิลปะการประกอบอาหารชั้นสูง ใช้เวลาในการฝึกฝน เพื่อความชำนาญ และ ความเอร็ดอร่อยกันหลายปี รวมทั้งสูตรในส่วนของน้ำราดด้วย ที่บางทีเก็บสะสมกันมาเป็นเคล็ดลับของแต่ละร้านเป็นต้น ส่วนในไทยเรา พันธุ์ปลาไหลที่บ้านเรามีนั้นอาจจะไม่ได้มีการนำมาทำในแบบอย่างคล้าย ๆ กับประเทศญี่ปุ่น แต่จะเป็นในลักษณะที่เป็นการผัดเผ็ด,ต้มยำ,แกงเผ็ด หรืออื่นๆ อีกมากมาย ที่มีความเอร็ดอร่อยอย่างมากเช่นกัน และเป็นรสชาติที่อยู่คู่กับท้องตลาดบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้วเช่นกันครับ พี่น้องหลายๆท่านก็คงจะเคยรับประทานกัน ก็ต้องขอยืนยันว่าเอร็ดอร่อยจริงๆ ( อิอิอิ ) แถมในทางด้านคุณค่าทางอาหาร ก็มีโปรตีน และ วิตามิน E ที่สูงด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นอาหารโปรตีนจากเนื้อปลาที่บำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดีจริงๆ  ปัจจุบันความต้องการในการบริโภคปลาไหลนั้น ก็ยังคงมีอยู่สูง แต่ปริมาณของปลาไหลที่สามารถพบเจอได้ในธรรมชาตินั้น มีปริมาณที่ลดน้อยลง ตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในบ้านเรา ทำให้ การเพาะเลี้ยงปลาไหลเพื่อการบริโภคนั้น ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ครับ
    ปลาไหลนา นั้นสามารถพบได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศ เนื่องจากเป็นปลาที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีใน แหล่งน้ำหลากหลายสภาพ สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ดีในระดับหนึ่ง ปลาไหลนานั้น จะมีกระดูกเหงือก 3 คู่และสามารถใช้ลำไส้ส่วนท้าย (เรียกกันว่า hindgut ) ในการเป็นเครื่องช่วยในการหายใจ ตามฤดูกาลธรรมชาตินั้น ปลาไหลนาในฤดูแล้งจะจัดการขุดรู อยู่อาศัยลึกลงไปในพื้นดิน แล้วลืมมันให้สิ้นไปจากใจ เสียคงดี...เฮ้ย ไม่ใช่ เพลง พี่บิลลี่ โอแกน (ผ่าง ) เอาเป็นว่า ปลาไหลนานั้นจะขุดรูลึกลงไปในดินประมาณ 1 - 1.5 เมตร และจะออกหากินในเวลากลางคืน ปลาไหลนานั้นเป็นปลาที่มีความมหัศจรรย์ สามารถที่จะเปลี่ยนเพศได้ (hermphrodite) โดยไม่ต้องพึ่งบริการ ของ โรงพยาบาลแบบมนุษย์แต่ประการใด (ฮา)
   โดยปลาไหลในช่วงอายุน้อยๆ หรือขนาดไม่ใหญ่นัก จะเป็นปลาเพศเมีย และจะเริ่มกลายเป็นปลาเพศผู้เมื่อโตขึ้น ด้านน้ำหนักนั้น ปลาเพศเมียจะมีน้ำหนักโดยประมาณตั้งแต่ 100 -  300 กรัม ส่วนปลาเพศผู้นั้น จะมีน้ำหนักมากกว่าถึง 400 กรัม สำหรับปลาไหลนานั้นสามารถแบ่งเป็นตัวผู้ตัวเมียด้วยอวัยวะเพศเท่านั้น ดูจากรูปร่างหน้าตาโดยรวมๆแล้วจะแยกไม่ได้ โดยตัวเมียที่อยู่ในระยะเจริญพันธุ์เท่านั้นจึงจะพบรังไข่ได้ เพราะในช่วงก่อนวัยเจริญพันธุ์จะไม่สามารถแยกแยะเพศปลาไหลได้ ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณ 8-30 สัปดาห์ ก่อนถึงวัยเจริญพันธุ์ มีเรื่องที่น่าสนใจก็คือ รังไข่ของปลาไหลตัวเมียนั้น จะเจริญเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างจะลีบฝ่อ โดยปกติแล้ว ปลาไหลนานั้น จะมีช่วงฤดูวางไข่ตั้งแต่เดือนมีนาคม-ตุลาคม แต่จะมีปริมาณ และการวางไข่ที่มากในช่วงต้นฤดูฝนจนถึงกลางฤดูฝน หรือถึงช่วงประมาณเดือนสิงหาคม เนื่องจากปลามีความสมบูรณ์มากตามสภาพแวดล้อมตามธรรมชาตินั่นเอง ปลาไหล จะมีปลาที่เป็นญาติใกล้ชิดอยู่ 2 ชนิด ก็คือ ปลาหลาด (Ophisternon bengalense, Mcclelland (1845)) และ ปลาหลอย (Macrotema caligans, Cantor (1849 )) ซึ่งก็เป็นปลาที่มีรูปร่างคล้ายๆกัน ( ก็เป็นญาติๆกันอ่ะเน่อ ) แต่มีขนาดที่เล็กกว่ามากครับ คือทั้งสองชนิดนี้ จะมีขนาดประมาณแค่ 20 – 30 เซนติเมตรเท่านั้นครับ และมีแหล่งกระจายตัวไม่มากเท่าปลาไหลนาครับ
     ปลาไหลนา จัดเป็นพวกปลากินเนื้อ (carnivorous) กินอาหารที่มีสภาพสดจนถึงเน่าเปื่อย ตัวหนอน ตัวอ่อนแมลง หอย ไส้เดือน และสัตว์หน้าดินชนิดต่าง ๆ เท่าที่จะหาได้ และเป็นปลาที่มีนิสัยรวมกลุ่มกันกินอาหารดังนั้น ในบางครั้ง การดักปลาไหล ด้วยเหยื่อประเภทต่างๆ อาจจะได้ปลาไหลที่อยู่ในละแวกนั้นไปเข้าที่ดักได้ ครั้งละหลายๆตัวก็มี  ( สบายองค์ แบกกลับบ้านกันเพลิดเพลินเลยทีเดียวงานนี้ ) ปลาไหลนา เป็นปลาที่อาศัยได้ทั้งในน้ำ และโคลนตม แต่ถ้าเป็นดินที่แห้งกรังและขาดน้ำโดยสิ้นเชิง ก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เช่นกัน โดยในฤดูแล้ง เรามักจะพบเจอปลาไหลได้ ในบริเวณที่เป็นพื้นที่สระ,ทุ่งนา หรือพื้นที่แหล่งน้ำขังบางพื้นที่ๆ ถึงแม้อาจจะดูน้ำมีน้อย เหลือแค่ที่แห้งขอดอยู่ที่พื้นดิน และเป็นกองโคลนตมอยู่ ก็อาจจะเป็นที่หลบอาศัยของปลาไหลไปแบบพอประทังชีพไปได้ จนกว่าจะถึงฤดูฝน ซึ่งตามลักษณะนิสัยตามธรรมชาติ ก่อนที่น้ำจะลดจนแห้ง ปลาไหลนาจะเริ่มขุดรู และมุดตัวเองลงไปอาศัยอยู่ที่ชั้นโคลนตมด้านล่าง ซึ่งความสามารถในการขุดรูของปลาไหลนี้ สามารถที่จะขุดได้ลึกมากกว่า 1 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งใน ช่วงนี้ ปลาไหลนั้นจะอาศัยกินโคลนตมที่มีซากเน่าเปื่อยของพืช และสัตว์ แค่พอประทังให้มีชีวิตรอด ซึ่งถ้าผู้เลี้ยงต้องการหาพันธุ์ปลาไหลมาเลี้ยง และอยากออกกำลังกายข้อมือ หัวไหล่ และ กล้ามเนื้อต่างๆ ก็ไปนั่งขุดหาเอาตามแหล่งที่คิดว่า จะมีปลาไหลอาศัยหมกโคลนตมอยู่ได้ตามอัธยาศัยครับ (ฮา)
   ส่วนในฤดูฝน นั้น เมื่อปลาไหลได้น้ำแล้ว ก็จะทะลวงพื้นโคลน สามหมื่นโยชน์  ออกมาหลั่นล้า ระเริงน้ำ กันอย่างกระฉับกระเฉง ( เว่อร์ไปละ ) ปลาไหลนาจะออกหาอาหาร กินจนอิ่มแปล้และอ้วนท้วนสมบูรณ์ และพ่อและแม่พันธุ์ปลาไหล ก็จะเริ่มจับคู่ผสมพันธุ์และออกหาแหล่งวางไข่ ซึ่งพ่อและแม่พันธุ์ปลาไหลจะว่ายน้ำไปในแหล่งน้ำใหม่ เช่น บริเวณทุ่งนาหรือพื้นที่ที่น้ำท่วมถึงในเวลากลางคืน และหาพื้นที่ในการวางไข่ต่อไป ซึ่งในช่วงหน้าฝนนี่ก็จะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการ หาพ่อและแม่พันธุ์ในการนำมาเลี้ยงและเพาะพันธุ์เป็นอย่างมาก เพราะช่วยลดเวลาในการขยายพันธุ์ได้เป็นอย่างดี  เพราะบางทีเราก็จะได้แม่ปลาไหลที่มีไข่เต็มท้องมาแล้วนั่นเอง เพราะพอแม่ปลาไหลปรับตัวเข้ากับที่เลี้ยงได้ปุ๊บ แม่ปลาไหลก็สามารถทำรังวางไข่ได้เลยครับ  แต่สำหรับในธรรมชาตินั้น เมื่อแม่ปลาไหลนาจะวางไข่นั้น ก็จะเริ่มทำการขุดรู ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ๆเป็นดินเหนียว ขุดจนลึกเพื่อที่จะมุดเข้าไปวางไข่ ซึ่งพื้นที่ๆสามารถพบรังวางไข่ของปลาไหลได้มาก ก็เช่นพื้นที่ๆเป็นส่วนรอยต่อระหว่างขอบสระ ขอบแม่น้ำ ต่างๆ รวมถึงพื้นที่ประเภทโพรงไม้ในบริเวณน้ำตื้นๆลักษณะไข่ปลาไหลนั้นจะเป็นอย่างไร ?  ไข่ของปลาไหลนั้นจะมีลักษณะเป็นทรงกลม ส่วนในเรื่องของสีสันนั้น จะมีสีเหลืองอ่อน และมีขนาดโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 3 มิลลิเมตร เป็นไข่ชนิดจมน้ำ และไม่มีสารเหนียวคลุมไข่ แม่ปลาไหล 1 ตัวนั้น จะวางไข่ประมาณ 100-1000 ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาดและความสมบูรณ์ของแม่ปลาไหล
   หลังจากวางไข่แล้ว แม่ปลาไหลนาจะคอยดูแลไข่อย่างใกล้ชิดภายในรู และจะออกหากินบ้างบริเวณใกล้ อย่างไม่ทิ้งห่าง โดยแม่ปลาไหลมีพฤติกรรมการอมไข่ และพ่นไข่ใส่หวอด ทั้งนี้ ไข่ปลาไหลจะฟักเป็นตัวภายใน 7 วัน โดยหลังจากลูกปลาไหลฟักออกจากไข่แล้ว ลูกปลาไหลจะยังอยู่ในโพรงดินหรือรังต่อ แต่เมื่อไข่แดงยุบตัวแล้ว หรือประมาณ 7 วัน หลังการฟัก ลูกปลาไหลจึงว่ายออกมานอกรัง ออกมาหากิน เจริญเติบโตต่อไป ตามชะตาชีวิตของแต่ละตัวต่อไป
    ถ้าผู้เลี้ยงเน้นนิยมความรวดเร็ว โดยไม่หวั่นไหว เรื่องการเงิน งบประมาณเหลือเฟือ ที่เลี้ยงเตรียมพร้อม ขาดแต่ปลา กำลังร้อนเร่าอยากลองเลี้ยงเต็มที่แล้ว ทางพี่น้อง ฯก็สามารถที่จะนำเงิน ไปหาซื้อพ่อและแม่พันธุ์ปลาไหลได้ตามท้องตลาดเลยครับ มีข้อดีตรงที่สามารถเลือกได้ขนาดตามที่ต้องการกันได้เลย เรียกได้ว่าในตลาดหลายๆที่ นั้นมีปลาไหลหลากหลายขนาด ทั้งขนาดวัยรุ่น และ วัยผู้ใหญ่ ขนาดพร้อมผัดเผ็ด ยัน ขนาดต้มซุปเลยก็ว่าได้ (ฮา) แถมยังมีข้อดีก็คือ ไม่ต้องเหนื่อยคัดขนาดด้วยครับ เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่นั้น คัดขนาดของปลาไหลมาให้เราเรียบร้อยแล้วครับ เพราะทางร้านค้าเขาก็สะดวกในการขายตามขนาดที่ต่างๆกันไปด้วย แต่แน่นอนว่า วิธีนี้ก็ต้องมีค่าลงทุนเพิ่มเติมขึ้นมาแน่นอนนั่นเองครับ
    ส่วนสำหรับพี่ๆน้องๆที่เป็นสายฟรีทั่วประเทศ ไม่เน้นเทพ True ที่สามารถมั่นใจได้ว่าการหาพ่อและแม่พันธุ์ปลาไหลในท้องถิ่นของท่านนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ด้วยว่าความสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้นยังดีอยู่ ไม่ใช่เดินวางเบ็ดตกจนทั่วท้องที่แถวบ้าน จนปวดหลังต้องทาเคาเตอร์เพน แต่ได้ปลาไหลมาแค่ไม่กี่สิบตัว แถมปลายังขนาดไม่ค่อยจะเท่ากันด้วย เล็กๆใหญ่ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการหาปลาธรรมชาติ ที่จะไปกะเกณฑ์ให้แม่นยำนั้น บางทีก็อาจจะไม่ได้อย่างใจนั่นเอง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ๆมีปลาไหลอุดมสมบูรณ์อย่างมากมาย ชนิดที่ว่าวางกับดักเพียงวันสองวัน ก็จะได้ปริมาณมากมายพอเอามาเพาะเลี้ยง ก็สามารถวางกับดักกันได้ตามสบายเลยครับ
    ปลาไหลนั้น จัดเป็นปลาที่สามารถเลี้ยงได้ในหลากหลายสภาวะ อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในบ่อดิน หรือ บ่อปูน ก็สามารถเลี้ยงได้อย่างไม่มีปัญหา โดยขึ้นอยู่กับแนวทางการจัดการๆเลี้ยงของแต่ละผู้เลี้ยงนั่นเอง  ว่าต้องการที่จะเลี้ยงปลาไหลอย่างไร และ มีทุนทรัพย์ในการลงทุน  และ จับการตลาดในแนวใหนนั่นเอง เช่น ผู้ที่ต้องการเพาะเลี้ยงแบบครบวงจร ก็อาจจะต้องมีทั้งบ่อปูน และ บ่อเลียนแบบธรรมชาติ เพื่อให้สามารถทำได้ทั้งการเลี้ยงขุนขนาด และ การเพาะพันธุ์อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ


****************************************************************
 สนใจเล่นล็อตเตอร์รี่ Online เล่น 1 บาท ขำๆ ฮาๆ ก็ยังเล่นได้ คลิ๊กเลยจ้า 


****************************************************************

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับการเลี้ยงปูนา




ปูนา หรือ Rice Field Crab ชนิดต่างๆ เป็นปูน้ำจืดที่มีความคุ้นเคยกับชาวไทยเรามานานแสนนานแล้ว แม้ว่า เมื่อเอ่ยถึงแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ก็อาจจะนึกถึงภาพของปูที่มักจะถูกนำมาทำเป็นอาหารกันอยู่เสมอๆก็ตาม แต่ก็มีผู้ชอบเลี้ยงปูน้ำจืดจำนวนมากเลยครับ ที่มีการเลี้ยงปูชนิดนี้ เพื่อความเพลิดเพลินใจ เพราะจัดได้ว่าปูนาเป็นปูน้ำจืดที่สามารถหาซื้อได้ง่าย หรือ แม้กระทั่งหาจับมาเลี้ยงเองได้ จากธรรมชาติใกล้ๆตัว ไม่เพียงแต่ชาวไทยเราเท่านั้น ที่นิยมนำปูนามาเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน และ เพื่อการบริโภค ชาวต่างชาติที่สนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงปูน้ำจืด หลายชาติ ก็ได้มีการนำปูนาไปเลี้ยง และ ถ่ายภาพลงตามนิตยสารสัตว์น้ำชั้นนำ หรือ ถูกนำออกไปเลี้ยงยังต่างประเทศ เพื่อการศึกษาและ เพื่อความเพลิดเพลินเป็นจำนวนมากเช่นกัน เช่นเดียวกับ ญาติๆของมันในวงศ์อื่นๆ เช่น วงศ์ปูแสม เป็นต้น

ปูนา จัดเป็นปูน้ำจืดที่เลี้ยงได้ง่าย สามารถเลี้ยงได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่มีความต้องการที่ยุ่งยากมากนักในการเลี้ยง ผู้เขียนเคยทดลองเลี้ยงในพื้นที่แคบๆอย่างเช่น ถังพลาสติก หรือ กระทั่ง ทัพเพอร์แวร์ใหญ่ๆ ก็สามารถเลี้ยงปูนาได้เป็นเวลานานครับ แต่ ถ้าจะเลี้ยงในตู้ หรือ ในกระบะพลาสติคใหญ่ๆ หรือในบ่อเลี้ยงทั่วไปก็สะดวกดี และ ดูแลไม่ยากจนเกินไปครับ

ผู้เลี้ยงสามารถให้กินอาหารได้หลากหลายประเภท โดยสามารถให้กินอาหารที่เป็นอินทรีย์วัตถุได้ทุกชนิด แม้กระทั่งดิน ปูนา ก็สามารถจะกินและ ดูดซับแร่ธาตุของดินมาเป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้ แต่ โดยทั่วไป ส่วนใหญ่แล้ว ผู้เลี้ยงมักจะให้อาหาร สำหรับสัตว์น้ำ เช่น อาหารปลาลอยน้ำ อย่าง อาหารปลาดุก อาหารปลากินพืช หรือ อาหารกบ รวมทั้ง เมนูอาหารที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษ เช่น ข้าวสุกผสมโครงไก่บด , หรือ ไข่ตุ๋นผสมอาหารปลาดุกเป็นต้น รวมทั้ง ผัก , ผลไม้ และพืชน้ำประเภทต่างๆ เช่น จอก, แหน หรือ สาหร่าย ก็สามารถนำมาเลี้ยงปูนาได้ทั้งสิ้น

ปูนา ในประเทศไทย มีหลายชนิด ปัจจุบันที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงมาก เช่น ปูนาก้ามหนีบม่วง , ปูนาก้ามหนีบขาว และ ยังมีปูนา ชนิดอื่นๆ ที่มีลวดลายสีสัน , อวัยวะ และ ขนาดต่างๆ ที่แตกต่างกันไปอีก เช่น ปูนาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ( ภาคอีสาน ) ของเรา หลายชนิด ก็มีความสวยงามอยู่ในตัวเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบ ปูนา ที่มีสีผิดแผกไปจากปูนาปกติ เช่น ปูนาสีด่าง ๆ หรือ ปูนาเผือกแท้ หรือ แม้กระทั่งปูนา สีทองทั้งตัวด้วยเช่นเดียวกัน ในอนาคต จึงมีความเป็นไปได้ว่า ถ้ามีการคัดเลือกสีสันอย่างต่อเนื่อง ปูนาก็อาจจะกลายเป็นสัตว์น้ำสวยงาม ที่มีคนนิยมเลี้ยงมากขึ้นได้ เช่นเดียวกันครับ


เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์
************************************************************************
สนใจเล่นล็อตเตอร์รี่ Online เล่น 1 บาทเดียว ขำๆ ก็ยังเล่นได้ คลิ๊กเลยจ้า
************************************************************************

แนววิธีการเลี้ยง ปู Red Apple Crab





มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Metasesarma aubryi (H. Milne Edwards, 1869) เป็นปูบก ที่ได้รับความนิยม ในการเลี้ยงมากอีกชนิดหนึ่ง มีความรวดเร็ว ในการเคลื่อนที่ และ เป็นนักปีนป่ายที่ดี ในปู Red Apple ตัวเต็มวัยนั้น มักจะชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ ภายในที่เลี้ยง เป็นบางช่วง และ บางช่วง จะขึ้นไปอยู่อาศัยบนบกเป็นเวลานานๆ เช่น ถ้าผู้เลี้ยงมีการสร้างเกาะจำลองเล็กๆ เอาไว้ในตู้ ก็มักจะพบว่า ปู Red Apple จะชอบมาอยู่บนบกเป็นเวลานานๆ โดยธรรมชาติมักจะพบว่า ปู Red Apple ตัวที่มีขนาดใหญ่ มักจะขุดรู เป็นที่หลบซ่อนอยู่ตามขอนไม้ หรือ ก้อนหิน และที่หลบซ่อนต่างๆ ของหิน และ อาจจะหลบอยู่เป็นเวลานาน จนสังเกตเห็นได้ยาก ในบางช่วงของวัน หรือ ถ้ามีต้นไม้ในตู้ ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ซักหน่อย ก็มักจะเห็นปู Red Apple นั้น ไปหลบซ่อนอยู่เสมอ และ ถ้าเป็นต้นไม้ที่มีขนาดเล็กๆ เช่น มอส หรือ เฟิร์น นั้น ปู Red Apple ก็อาจจะไปขุดรู ซุกหลบ และ อาจจะแทะเล็มกินพืชเล็กๆเหล่านี้บ้าง
นิสัยส่วนตัวของปูชนิดนี้ นั้น จะเป็นปูที่ค่อนข้างรักสงบ ไม่ค่อยทำร้ายกันถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาวะลอกคราบ โดยเฉพาะในตัวที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หรือ ตัวที่จับคู่กันอยู่ จะอยู่กันอย่างสงบดีมาก และ รวมกลุ่มกันอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ในบางครั้ง
สำหรับการผสมพันธุ์ของปู Red Apple นี้นั้น สามารถแยกเพศของตัวผู้ และตัวเมียได้ที่ ลักษณะก้าม โดยที่ตัวเมียนั้น จะมีก้ามที่มีขนาดเล็ก และ แป้นส่วนท้องที่มีขนาดใหญ่ กว่าตัวผู้ สีสันของตัวเมีย จะสีสันที่สดใสน้อยกว่า แต่ ในบางช่วงก็มีสีสันที่ใกล้เคียงกันชวนให้สับสนบ้าง แนะนำว่าดูจากลักษณะภายนอกที่สำคัญๆ จะสามารถแยกเพศของปูได้ ชัดเจน และ ถูกต้องมากกว่าครับ

เรียบเรียง กษิดิศ วรรณุรักษ์

***********************************************************************
สนใจเล่นล็อตเตอร์รี่ Online เล่น 1 บาทเดียว ขำๆ ก็ยังเล่นได้ คลิ๊กเลยจ้า
************************************************************************

อำพันทะเล สิ่งล้ำค่า ที่หาได้ยากจากปลาวาฬ



ช่วงนี้ มีข่าวฮือฮา ที่มีพี่น้องชาวไทยเราท่านหนึ่ง ค้นพบ อำพันทะเล ( หรือ บางทีเรียกว่า อ้วกปลาวาฬ ) หรือ ก้อนไขมัน ที่เกิดขึ้นในตัวปลาวาฬหัวทุย หรือ ปลาวาฬสเปิร์ม เพียงแค่บางตัวเท่านั้น วาฬชนิดนี้มีรายงานว่าพบในเมืองไทยบ้าง แต่น้อย วาฬสเปิร์มกินหมึกกล้วยยักษ์เป็นอาหาร แต่ย่อยปากหมึกไม่ได้วาฬสเปิร์มบางตัวจึงปล่อยสารไขมันบางอย่างมาเคลือบไว้เมื่อเวลาผ่านไป ก้อนอำพันในท้องใหญ่ขึ้น จนอาจมีขนาดถึง 50 กิโลสังเกตคำว่าบางตัว เพราะไม่ใช่ปลาวาฬสเปิร์มทุกตัว ที่จะมีอำพันทะเลอยู่ในตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ระบุว่าวาฬสเปิร์มแค่ 1% ที่มีก้อนอำพันจะอยู่ในตัววาฬจนหมดอายุขัยของวาฬตัวนั้น และเมื่อวาฬตัวนั้นตายและเน่าขั้นสุด เหม็นฉิบหายเรียบร้อยแล้ว เจ้าสิ่งนี้จะหลุดออกมาลอยตุ๊บป่องๆอยู่ในทะเล เนื่องจากมันเป็นก้อนไขมันที่อยู่ในตัวของปลาวาฬและมีน้ำหนักเบานั่นเอง แล้ว หลังจากนั้นเจ้าอำพันทะเล นี่ก็จะลอยน้ำไปเรื่อยๆ และอาจลอยได้เป็นปีๆ ไม่จมหายไปไหน อยู่ลอยทนนาน เหมือนคนรุ่นลุงสองสามคนใน ประเทศนี้ อยู่มาหลายปี แล้วก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปใหน (ฮา) อำพันทะเล มีความสำคัญมากๆ ในอุตสาหกรรมน้ำหอม เพราะว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดมาก ที่อำพันทะเล ในตอนแรกที่ออกมาจากตัวปลาวาฬนั้น จะมีกลิ่นเหม็นมากเหมือนซากศพปลาวาฬนั่นแหล่ะ แต่พอเวลาผ่านไปซักระยะหนึ่ง อำพันทะเลกับกลายเป็นมีกลิ่นหอมขึ้นมาอย่างน่าประหลาด และ หอมแตกต่างกันไปในแต่ละก้อนอีกต่างหาก จึงทำให้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญ สำหรับการทำให้น้ำหอมติดทนนาน จึงทำให้มีราคาที่สูงมาก สมัยโบราณก็มีชาวประมงทั่วโลก ออกเดินทางแสวงโชค หาอำพันทะเลนี่ หรือไม่ก็ล่าปลาวาฬเพื่อหาครับ แต่บางทีก็เหนื่อยเปล่า เพราะล่าได้ ก็ไม่ได้จะเจอทุกตัว คาดว่า อำพันทะเล ก้อนล่าสุดที่พี่น้องชาวไทยเจอนี่ ราคาน่าจะประมาณ 20 ล้านบาทเท่านั้นเอง....เฮือก....อ่านเสร็จแล้ว อยากจะหาเรือโกอิ้งแมรี่ ออกไปหาอำพันทะเลกับเขาบ้างจัง 555

เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์


************************************************************************
สนใจเล่นล็อตเตอร์รี่ Online เล่น 1 บาทเดียว ขำๆ ก็ยังเล่นได้ คลิ๊กเลยจ้า

http://www.huay.com/af/a/5949f4840caf4289a2f0d1d66cdd2b16

************************************************************************


ความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาน่าสนใจ : การเลี้ยงปลาปักเป้าสวยงาม



หลักการพื้นฐาน ในการเลี้ยงปลาปักเป้า ที่ผู้สนใจเลี้ยงควรจะต้องทราบเอาไว้ก่อน ก็คือ โดยพื้นฐานแล้ว ปลาปักเป้าหลายชนิด เป็นปลาน้ำจืดที่ก้าวร้าวอย่างมาก บางครั้งอาจจะทำร้ายปลา หรือ สัตว์น้ำประเภทอื่นๆ ในตู้จนตายได้ ทั้งด้วยความรู้สึกหวงพื้นที่ ตามนิสัยประจำเผ่าพันธุ์ หรือ แม้กระทั่ง อยากได้สัตว์น้ำเล็กๆ เอาไว้กินเป็นอาหารขบเคี้ยวเล่นยามว่าง ยิ่งพวกสัตว์น้ำสวยงามที่มีเปลือก เช่น กุ้ง หรือ หอย นี่คืออาหารของเขาตามธรรมชาติอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่ง ปลาปักเป้าสายพันธุ์อื่นๆด้วย ก็ไม่ได้นับญาติ กันแต่ประการใด ไม่ใช่ว่า เห็นเราเป็นปลาปักเป้า เหมือนกัน เรามารักกันนะ แบบนั้นไม่มีครับ...ดังนั้นถ้าจะเอาสัตว์น้ำตัวเล็กๆ เคลื่อนไหวช้าๆ ไปเลี้ยงร่วมกันกับปลาปั๊กเป้า ก็จะเป็นคล้ายการจัดบุฟเฟ่ต์ให้กับ ปลาปักเป้า ไปดีๆนี่เองครับ สำหรับ ปลาปั๊กเป้าสายพันธุ์ที่ดุมากๆ การเลี้ยงปลาปักเป้า สายพันธุ์เหล่านี้ อยู่แบบเงียบๆ อยู่ตัวเดียว แม้ใครอาจจะกลัวว่าปลาจะเหงา แต่ ผู้เลี้ยงกับสุขใจ มากกว่าครับ ( ดีกว่าเลี้ยงรวมกันไป ก็อาจจะฆ่ากันเสียเงินเปล่าๆ ) หรือ ถ้าทนสภาพความเปลี่ยวเหงาไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะเลี้ยงปลาปักเป้า ชนิดที่ไม่ดุร้ายมากนัก ( จริงๆ ตัวปลามันเองอาจจะคิดอยากดุ อยากโชว์ฟอร์มโหดบ้างก็ได้แหล่ะ แต่กายภายมันพุงโต อุ้ยอ้าย ว่ายไล่ปลาเร็วๆไม่ค่อยทัน ) หรือ ไม่ผู้เลี้ยง ก็อาจจะหาปักเป้าสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก เช่น ปลาปักเป้าแคระ ( Dwarf Puffer ) มาเลี้ยงก็ได้ครับ น่าจะเป็นปลาปั๊กเป้าสายพันธุ์ที่เลี้ยงรวมกับ ปลาชนิดอื่นๆ ได้ดีที่สุดแล้ว

สิ่งที่ควรคำนึงเป็นอย่างมากสิ่งหนึ่ง สำหรับการเลี้ยง ปลา ปั๊กเป้า ก็คือ ปลาชนิดนี้เป็น ปลาที่กินอาหารสำเร็จรูปได้ค่อนข้างยากซักนิด อาจจะต้องเป็นอาหารที่คุณภาพดีเสียหน่อย ถ้าเป็นอาหารที่คุณภาพไม่ค่อยดี ปลาอาจจะไม่ยอมกินครับ

อาหารที่ปลาปักเป้าชอบมากๆ ส่วนใหญ่ก็คือ อาหารสด ประเภท เนื้อสัตว์น้ำขนาดเล็ก ๆ เช่น เนื้อกุ้ง, เนื้อหอย หรือ จะเป็นหนอนแดงแช่แข็งก็ได้ครับ โดยอาจจะฝึกให้ กินของตาย หรือ ให้แบบเป็นๆ ให้ปลาจับกินเองก็ได้ครับ โดยถ้าให้ปลาจับกินเอง ก็อาจจะให้แบบติดเปลือกไปด้วยเลย เพื่อให้ปลาได้ใช้ฟันกัดแทะทำลายเปลือกของสัตว์น้ำเหล่านั้น เพื่อให้ปลาได้ลับฟันด้วยก็ได้ครับ เพราะว่า ในตามธรรมชาติ ปลาปักเป้าที่โตเต็มวัยจะกินสัตว์น้ำที่มีเปลือกซึ่งเป็นอาหารหลักของมัน เนื่องจากฟันหน้าของปลาปักเป้าจะโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีอาหารที่แข็ง มาให้ปลาปักเป้าลับฟันเลย ฟันของปลาปักเป้าก็จะใหญ่ จนไม่สามารถกินอะไรได้อีกเลย ทำให้ปลาผอม และ ตายในที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องให้อาหารที่มีเปลือกหนามากเกินไป กับปลาปักเป้าที่ยังเล็กอยู่ แต่อาจจะให้หอยน้ำจืด ขนาดเล็กๆ เพื่อฝึกปลาปักเป้าในการเเทะเเละเคี้ยว พวกเนื้อสัตว์บก เช่น เนื้อหมู หรือ เนื้อไก่ จริงๆ ก็พอให้ทานได้ ยามขาดแคลนจริงๆ แต่ ปลาก็ดูไม่ได้ชอบมากเท่าใดครับ และ สัตว์น้ำ ก็ไม่ค่อยมีเอนไซม์ที่เหมาะสมสำหรับ การย่อยอาหารที่เป็นเนื้อของสัตว์ปีก หรือ สัตว์บกด้วย อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดในปลาได้ง่ายกว่าเนื้อสัตว์น้ำด้วยกันครับ อย่างไรก็ตาม การให้อาหารปลา ก็ควรให้แต่พอดี และ อาจจะปล่อยให้อดบ้างนิดหน่อยก็ได้ครับ เพื่อ ป้องกันปัญหา ปลากินอาหารมากเกินไป จนเกิดปัญหาอาหารไม่ย่อยครับ
สำหรับการดูแลระบบ การเลี้ยงนั้น ปลาปักเป้า เป็น ปลาที่กินอาหาร ค่อนข้าง มูมมาม เลอะเทอะ ดังนั้น เศษอาหาร อาจจะหล่นติดอยู่ตามซอกต่างๆ ในที่เลี้ยงได้ครับ ต้องระวัง ในเรื่องนี้ซักหน่อยครับ เพราะเศษอาหารสดที่ตกค้าง จะทำให้น้ำเสียได้ง่าย และ อาจจะทำให้ปลาป่วยได้ ถ้า ผู้เลี้ยงมีการดูแลที่ไม่ทั่วถึงพอครับ ผู้เลี้ยงสามารถใช้เครื่องกรองขนาดใหญ่ หรือ เครื่องกรองขนาดเล็ก มาช่วยได้ครับ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงหลายๆท่าน อาจจะมีการเปลี่ยนของประดับ หรือ จัดวางตู้เลี้ยงใหม่ เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ให้ปลาปักเป้าได้สำรวจ ก็จะสร้างความสุข และ ความเพลิดเพลินใจให้กับผู้เลี้ยงได้เป็นอย่างดีครับ


เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์
************************************************************************
สนใจเล่นล็อตเตอร์รี่ Online เล่น 1 บาทเดียว ขำๆ ก็ยังเล่นได้ คลิ๊กเลยจ้า
************************************************************************