จระเข้( Crocodile) นั้นจัดได้ว่า เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้( และโชคดี ที่บรรพบุรุษของพวกมัน ซึ่งมีขนาดใหญ่จน ทานไดโนเสาร์ เป็นอาหารว่าง หรือ อาหารหลักได้สบายยามหิว อย่างเจ้าจระเข้ยักษ์ ที่ชื่อว่า “ Super Croc “ นั้นสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นมนุษยชาติก็คงจะอยู่ยากอย่างแน่นอน....เหล่าบรรดาจระเข้ทั้งหลายแหล่ ทั้งในน้ำจืด และน้ำทะเล ซึ่งยังคงดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน อยู่ในอันดับ โครโคดีเลีย (Crocodylia) ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด โดยเราจะพิจารณารูปร่างได้จากลักษณะต่างๆทั้งตัว และความแตกต่างของบางส่วนโดยเฉพาะ เช่น จากรูปร่างของปาก ,เกล็ดบนหัวและคอ ความแตกต่างของซี่ฟันในปากของจระเข้ เป็นต้น ลักษณะทั่วไปของจระเข้ทุกประเภทคือ มีปากและหัวยาว รูจมูกและตา ยกสูงอยู่บนหัว คอสั้น ลำตัวยาวกลม มีเกล็ดบนคอและหลัง เกล็ดท้องเป็นแผ่นบาน หางยาวใหญ่และแข็งแรง มีเกล็ดเป็นแผ่นใหญ่ตั้งสูงบนสันหาง หางแบนทางด้านข้าง ขาสั้นทั้งขาหน้าและขาหลัง นิ้วตีนสั้นทั้งตีนหน้าและตีนหลัง ลิ้นของจระเข้นั้น ไม่สามารถแลบออกจากปากได้เหมือนกับสัตว์หลายๆชนิดทั่วไป
สำหรับการเลี้ยงจระเข้ นั้น สิ่งที่ ผู้ที่สนใจจะเลี้ยง ควรที่จะต้องคำนึง หากว่ากันตามหลักการนั้น ก็จะมีหลากหลายประการ เช่นในเรื่องของพื้นที่ ถ้าเป็นพื้นที่ๆ สะดวกในการหาอาหารราคาถูก เช่น ซากไก่ ชำแหละ หรือ ปลาสดในราคาไม่แพง หรือ บางครั้ง อาจจะถึงขั้นเกือบจะฟรี เช่น อยู่ใกล้โรงชำแหละไก่ , แหล่งการทำประมงน้ำจืด / น้ำเค็ม แบบนี้ จะเป็นการดีมาก เพราะว่าสามารถลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี และ ถ้าเป็นแหล่งที่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ ก็จะช่วยลดต้นทุนในเรื่องของการเปลี่ยนถ่าย น้ำได้ อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นแหล่งน้ำที่ใกล้ธรรมชาติ แต่ก็ไม่ควรเป็นพื้นที่ๆ น้ำท่วมซ้ำซาก เพราะอาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องที่คุณก็รู้ว่าอะไรนะครับ ถ้าน้ำหลากท่วมครอกเลี้ยงกันได้ อะไรมันจะเกิดขึ้น ขนาดน้ำยังไม่ทันท่วมบางทียังมีการหลุดออกมาสู่โลกภายนอกกันให้ใล่จับกันสนุกเลย บางบ้านนึกว่า เป็นตัวเงินตัวทองหลุดออกมา แจ้งเจ้าหน้าที่มาจับ ที่แท้กลายเป็นจระเข้ ก็มีทำเอาคนมาจับนี่ วิ่งจู๊คกันสนั่นเลยก็มี (ฮา)
จระเข้ เป็นสัตว์ที่เกิดความเครียดได้ง่าย ดังนั้นพื้นที่เลี้ยง ก็จะต้องเป็นพื้นที่ๆ มีความสุข สงบ อาจจะไม่ถึงขั้น เงียบแบบติดกับป่าช้าก็ได้ แต่ ก็ไม่ใช่สถานที่อึกทึกชนิดทุกคืน เปิด เพลง “ งั่ดทั่งงัดทั่งงัด “ หรือ ล่าสุด ที่หลอนหูสุดๆ ก็เพลงท่อน “ ชิบกับเดล ขายถั่ว Remix “ แล้ว แดนซ์กันยันเที่ยงคืน แบบร้านคารา โอเกะ ที่เปิดใกล้ๆ ชุมชนบ้านพัก แล้วเปิดเพลงเสียงดังค่อนคืน จนคนแถวนั้นด่า แต่ตำรวจแถวนั้นไม่ได้ยิน เพราะอะไรก็ไม่รู้ แบบนั้นก็ไม่ไหวนะครับ....จระเข้ อาจจะเครียด พาลทำให้ไม่อยากกินอาหาร ก็เป็นไปได้เน่อ ดังนั้นขอสถานที่เลี้ยงให้เป็นแบบเงียบๆ กันหน่อย แบบ สงบ สันติ น่าจะเหมาะสมที่สุดครับ นอกจากนี้จะว่าไปแล้ว บ่อเลี้ยงจระเข้นั้น ถึงยังไงก็มีกลิ่นไม่โสภาซักเท่าไหร่ การได้อยู่ไกลๆ สงบๆ ไม่ใกล้บ้านของผู้อื่น ก็อาจจะช่วยลดปัญหาการกระทบกระทั่งกันได้อยู่เหมือนกันล่ะนะครับ
ลักษณะของบ่อเลี้ยงจระเข้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละท่าน ถ้ากว้างมาก ก็สามารถเลี้ยงจระเข้ได้เยอะ หรือถ้าจะเน้น เป็นการซอยแบ่งแยก แล้วขุนจระเข้เป็นตัวๆ ในที่ๆไม่คับแคบนักก็ทำได้ เพราะการเลี้ยงจระเข้ แบบขุนแยกเดี่ยวนั้น ใน ส่วนของหนัง จะมีคุณภาพดีมากกว่า การเลี้ยงจระเข้ แบบรวมกันอย่างหนาแน่นครับ เพราะจระเข้ เป็นสัตว์ที่ดุร้าย มักจะ กระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ ถ้าเลี้ยงรวมกันเป็นจำนวนมากๆ ทำให้หนังของจระเข้ มีรอยมาก และ ทำให้เวลาขายได้ราคาต่ำ กว่าที่ควรจะเป็นครับ ขนาดความสูงของบ่อ ก็ควรจะสูงอย่างน้อย 1.5 เมตร ขึ้นไป ติดระบบระบายน้ำ ที่จัดการได้ง่ายเช่น การต่อท่อระบายใต้บ่อซีเมนต์ โดยใช้ท่อ PVC วงใหญ่ ๆ และ ท่อระบายน้ำ สำหรับกันน้ำท่วมบ่ออีกหนึ่งส่วนครับ นอกจากนี้ ในส่วนของพื้นบ่อ และ รอบบ่อ ควรต้องมีการขัดให้มัน เพื่อป้องกันลูกจระเข้ ปีนออกจากบ่อ เพราะถ้า จระเข้ ออกจากบ่อนั้น เราต้องลำบากไปจับมัน จะใช้การเป่านกหวีด แล้วรอจระเข้ เดินเข้าคอกเอง แบบ เป็ดไล่ทุ่ง อันนั้นก็ทำไม่ได้นะครับ ไปเซ้าซี้มันมากๆ มันก็ขู่เอาอีก จำใจต้องไปตามคนมาช่วยกันจับให้ยุ่งยากอีก ดีไม่ดี ก่อนจะมาเจอ จระเข้หลุด น้องหมา น้องแมว แถวนั้น อาจจะหายไปซักตัวสองตัวก็เป็นได้เด้อ
บ่อเลี้ยงจระเข้นั้น ควรจะที่ๆมีแสงแดดส่องถึงตลอดเวลา ซึ่งมีข้อดี ก็คือจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ในน้ำได้ แต่ก็ไม่ควรจะให้ส่องกันขนาดน้ำร้อน จระเข้หัวร้อน ไปหมด เหมือนคนเล่นเกมส์เอาแต่ไปตีป้อมชาวบ้าน จนป้อมตัวเองแตกไม่รู้ตัว จนชวนเครียด.... เพราะว่า ถ้าจระเข้ที่เราเลี้ยงนั้น เจออากาศที่ร้อนมากเกินไป ก็เกิดความเครียด ส่งผลให้เกิดอาการป่วย อาจจะเป็นอันตรายถึงตายได้เช่นกันครับ ถ้าเป็นพื้นที่ๆแดดแรงๆ เราก็อาจจะปลูกต้นไม้ยืนต้น เอาไว้กลางบ่อจระเข้ได้เลย เพราะต้นไม้ไม่กลัวจระเข้แน่นอน ( ก็แหงล่ะ จะพูดทำไม ) ซึ่งจระเข้ ก็จะขึ้นมาอาศัยนอนใต้ร่มไม้ กันได้อย่างสุขีเป็นระยะ เวลาแดดร้อนจัดๆ ไม้ยืนต้นเหล่านี้ ก็จะช่วยเป็นกำบังร่มเงาให้ ทำให้บ่อจระเข้นั้น ไม่ร้อนระอุอ้าวมากเกินไปนั่นเองครับ
คุณภาพน้ำ ก็มีส่วนสำคัญ สำหรับการเลี้ยงจระเข้เช่นกัน แม้ว่าจระเข้ อาจจะเป็นสัตว์ที่ทนต่อคุณภาพน้ำที่ไม่ดีได้มากพอสมควร แต่ น้ำที่เสีย ก็จะทำให้หนังจระเข้ ถูกทำลายได้ ดังนั้น ควรหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำ ให้สะอาดตามสมควรอยู่เป็นระยะตามความเหมาะสมครับ ในช่วงที่เปลี่ยนถ่ายน้ำนั้น ก็ควรจะเก็บเศษอาหาร เช่น พวกเศษกระดูก ออกให้เรียบร้อยด้วย โดยต้องไม่ประมาท ไม่อย่างนั้น เราก็อาจจะกลายเป็นกองกระดูก หรือ ไม่ก็อวัยวะบางอันอาจจะหายไปแทนได้เหมือนกันครับ (ฮา) นอกจากนั้น คุณภาพน้ำที่ดี ก็ช่วยให้จระเข้นั้น เติบโตได้อย่างแข็งแรง สมบูรณ์ได้ไวยิ่งขึ้นด้วย
สำหรับการเพาะพันธุ์จระเข้นั้น สามารถที่จะทำได้เช่นกัน แต่ต้องมีการลงทุนที่สูงกว่า การเลี้ยงแบบเอาลูกจระเข้มาขุน เนื่องจาก การเลี้ยงจระเข้เพื่อผสมพันธุ์นั้น ต้องใช้เวลานานเป็นสิบปี กว่าจระเข้จะเริ่มผสมพันธุ์กันครั้งแรก และ จระเข้นั้นจะมีการผสมพันธุ์ให้ลูกปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นผู้เลี้ยงอาจจะต้องมีทุนสำรองเอาไว้มากพอสมควร และ การคัดเลือกพ่อและแม่พันธุ์จระเข้นั้นก็ต้องให้ความละเอียดอ่อนทุกขั้นตอน ว่าต้องเป็นพ่อและ แม่พันธุ์ที่ดี มีอัตราให้ลูกที่สูง และ ผู้เลี้ยงหรือผู้เพาะพันธุ์ก็จะต้องมีความชำนาญในขั้นตอนต่างๆของการฟักไข่ด้วย เริ่มตั้งแต่ความชำนาญในการไปเอาไข่ จากแม่จระเข้เลยก็ว่าได้ (ฮา) นึกภาพดูซิครับ....พ่อแม่จระเข้ ก็อยู่แถวๆ รังไข่น่ะแหล่ะ มีความหวงไข่ขั้นสุด เราก็ต้องไปจับปล้ำเอาพ่อแม่ออกมาก่อน หรือจะหาวิธีกันท่า ยังไงก็ได้ แล้วค่อยเข้าไปเอาไข่มา พอเข้าไปถึงไข่ของแม่จระเข้ได้แล้ว ก็ต้องมีกรรมวิธีในการนำเอาไข่มาใส่โรงเพาะฟัก โดยจำลองมาจากสภาพเดิมที่ไข่วางอยู่ด้วย และต้องดูแลสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ หรือ ความชื้น ก็ต้องเหมาะสม ไม่อย่างนั้นไข่ที่เอามาก็อาจจะเสียได้เป็นต้น
ซึ่งผู้ที่สนใจการเลี้ยงจระเข้นั้น ก็อาจจะลองทบทวนก่อนจะเริ่มทำการเลี้ยง และ ลงทุนก็ได้ครับ ว่าด้วยทุนทรัพย์และสภาพแวดล้อมที่เรามีนั้น เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงจระเข้ ในลักษณะใด ซึ่งก็อาจจะแตกต่างกันไปตามเป้าหมายทางการตลาดครับ ซึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ผู้เลี้ยงสามารถทำได้ตามเป้าหมายในการเลี้ยงของตนเองแล้ว หลังจากนั้น ก็จะเป็นเรื่องของการตลาดแล้ว ซึ่งจระเข้ เป็นสัตว์ทีสามารถจำหน่ายได้ทั้งตัว และ เป็นที่ต้องการของท้องตลาดอยู่เสมอครับ
และสำหรับ ผู้เลี้ยง ที่ต้องการเลี้ยงจระเข้ เป็นสัตว์น้ำสวยงาม และ เพื่อนร่วมบ้านนั้น ( ฟังไม่ผิดหรอกครับ เพื่อนร่วมบ้านจริงๆน่ะแหล่ะ ) จะว่าไปแล้ว จระเข้ ก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ และ มีความสามารถในการจดจำเจ้าของ และ คนใกล้ชิดได้ดีอีกชนิดหนึ่ง จนบางครั้งดีอย่างไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำไป จึงมักพบการนำจระเข้ มาเลี้ยงแบบใกล้ชิด เหมือนเป็นสุนัข หรือ แมว ในบ้านอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ การเลี้ยงกันอย่างเล่นๆ เสียด้วยซิ ปัจจุบันมีผู้รักการเลี้ยงจระเข้ พยายามพัฒนาสีสัน จนเกิดจระเข้ สีสันใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายหลาย Morph สี กันเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลให้มีราคาต่อตัวที่สูงมากๆ
สำหรับการเลี้ยง จระเข้ เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านนั้น จากประสบการณ์ของผู้ที่เคยเลี้ยงจระเข้ ทั้งน้ำจืด และ น้ำเค็มจากต่างประเทศนั้น จะแนะนำ คนที่อยากเลี้ยงจระเข้ เป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านว่า
1. ผู้เลี้ยงไม่ควรจะไปจ้องตาจระเข้นานๆ เพราะจระเข้ เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบการถูกจ้องตา มันจะนึกว่าเราไปท้าทายมันแล้วอาจจะพุ่งเข้าจู่โจมเราทันที
2. พยายามยืนตรงตลอดเวลา รักษาระยะเอาไว้ให้เหมาะสม อย่าประมาทเล่นหัวกับพวกมันมากนัก การยืนตรง จะทำให้จระเข้ คิดว่าเรามีอำนาจมากกว่าได้ง่าย
3. เราสามารถฝึกจระเข้ เหมือนกับ ฝึกสุนัขได้ จระเข้สามารถเข้าใจคำสั่งง่ายๆ อย่างเช่น ใช่ หรือ ไม่ ห้ามทำได้ แต่ไม่ควรจะดุมันรุนแรง หรือ ตะคอก เพราะว่า จระเข้ เป็นสัตว์ที่มีจิตใจเปราะบางมากๆ ( ไม่ได้เข้ากับความโหดเล๊ยย ) ถ้าไปตะคอกมันดังๆ จระเข้ อาจจะน้อยใจ เดินไปหลบมุม ไม่กินข้าว กินปลา ไปทั้งวันเลยทีเดียว... แม้ว่ามันจะทำผิด เช่น พยายามจะกินไก่สดๆ แล้ว โดนเจ้าของห้ามก็ตาม.... ( ขี้น้อยใจเนาะ ) จนเจ้าของต้องเข้าไปปลอบประโลมกันเลยทีเดียว
4. จระเข้ ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง สำหรับ ผู้เลี้ยงสัตว์มือใหม่ เพราะ มีความอันตราย และ ต้องการๆ ดูแลเป็นพิเศษ ในการเลี้ยง หรือ อาจจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตเมตตาสูงส่ง อาจจะสื่อจิตใจกันได้ อย่าง พระเดชพระคุณหลวงพ่อคูณ ปริสุธโธ ท่านก็เลี้ยงจระเข้ไว้ในวัด และ สามารถเรียกจระเข้มาหา ได้ และ สั่งให้จระเข้ที่วัด เดินลงสระน้ำของวัด ไม่ให้สร้างความแตกตืนแก่ผู้คนได้เป็นต้น
5. สายพันธุ์จระเข้ บางชนิด เช่น จระเข้ ตีนเป็ด ของอเมริกา ค่อนข้างเป็นมิตร กับมนุษย์ ได้ง่ายกว่า จระเข้พันธุ์อื่นๆ มีคลิปมากมายที่แสดงว่า มนุษย์ สามารถเข้าใกล้ และ ให้อาหารจระเข้พวกนี้ได้อย่างใกล้ชิด ถึงเนื้อถึงตัว โดยไม่ถูกกัด หรือทำร้ายเป็นต้น อย่างไรก็ตาม จระเข้ ที่เติบโตมาจากที่เลี้ยงตั้งแต่แรกเลย คือ ลืมตา มาก็เห็นมนุษย์เลย จะคุ้นชินกับมนุษย์ และ เหมาะสมสำหรับการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านมากกว่า
ป.ล. หมายเหตุ ก่อนการเลี้ยงจระเข้ ต้องไปขออนุญาติ และ ลงทะเบียนเป็นผู้เลี้ยง กับทางราชการก่อนนะครับ ไม่งั้นผิดกฏหมายนะจ๊ะ....แล้วจะหาว่าคนเขียนไม่เตือน
ป.ล.อีกที สำหรับการเอาตัวรอดจากการเจอหน้าจระเข้ ในธรรมชาตินั้น ผู้มีประสบการณ์ แนะนำว่า ให้พยายามว่ายน้ำอยู่กลางคลองเอาไว้ อย่าว่ายน้ำขึ้นฝั่งทันที หากโดยจระเข้ไล่กวดมา เพราะจะหนีมันไม่ทันหรอก ยิ่งใกล้ฝั่งเท่าไหร่ จระเข้จะยิ่งพุ่งชาร์จได้เร็วขึ้น ให้เราขยับว่ายมาอยู่กลางคลองก่อน หและรักษาระยะ พอจระเข้ว่ายน้ำพุ่งเข้ามาจะงับ ให้เก็บแขนและขาและเบี่ยงตัวว่ายหลบ ด้วยความสามารถเฉพาะตัว หรือ จะด้วยดวง หรือ พลังนิวไทป์ , พลังเจได , พลัง Aura Battle หรือพลังสาวน้อยเวทย์มนต์อะไรก็ได้ ที่สามารถอัญเชิญมาเข้าร่างเราตอนนั้นได้ ก็จัดมาให้หมดเลยครับ เพราะว่า จระเข้นั้น จะกลับตัวในน้ำลึกได้ยากและช้า พอจระเข้พุ่งเลยตัวไป ก็รีบกลับตัว ว่าย 4 x 100 ชนิดนักว่ายน้ำโอลิมปิคยังอายเข้าฝั่ง แล้วโกยหน้าตั้งต่อตามสะดวกครับ แต่ถ้าโชคร้ายถูกจับจริงๆ อย่าเอามือไปฟาดตัวมันครับ มันไม่รู้สึกเจ็บหรอก ให้เอานิ้วจิ้มที่ลูกตามันสุดแรงเกิดครับ จระเข้จะเจ็บมาก และ อาจจะปล่อยตัวคุณออกมาได้ ( อาจจะนะครับ... ) หรือ ถ้ามีปืน รอมันว่ายมาตรงๆหน้า แล้วก็อาศัยจังหวะที่มันจะอ้าปากงับคุณ ยิงกรอกปากไปเลย รับรองตายครับ เชื่อผู้เขียน ๆ ดูหนัง Black Water มาแล้ว (ฮา)
เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์
https://www.wowapp.com/w/meogui/Kasidit-Wannurak
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์กลุ่ม facebook หน่อยจ้า เป็น กลุ่มเกี่ยวกับการสร้างคริสตัลวิทยาศาสตร์
และ งานฝีมือประเภท DIY อื่นๆ จ้า ถ้าพี่ๆน้องๆสนใจก็สามารถคลิ๊กลิงค์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/groups/2577308392511330/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น